Page Praramin

Page Praramin

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งาน2 Patch panels

Patch panels are passive connecting devices that make it possible to establish communication between a group of individual components. The typical patch panel will include port locations or jacks where cords and wires can be plugged into the device. A patch panel is often employed to network several computers by connecting them through the patch panel, which is in turn connected to the server driving the local area network.
การติดตั้งแพทช์เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบพาสซีฟที่ทำให้มันเป็นไปได้ในการสร้างการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มของแต่ละองค์ประกอบ แผงแพทช์ทั่วไปจะรวมถึงสถานที่พอร์ตหรือช่องต่อสายไฟและสายที่สามารถเสียบเข้ากับอุปกรณ์
 



 

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งาน1 สายโคแอกเชียว(Coaxial Cable) และสายใยแก้วนำแสง(Fiber Obtic Cable)

สายโคแอกเชียว(Coaxial Cable)
เป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงทีมีลักษณะ เช่นเดียวกับสายที่ต่อจากเสาอากาศ
สายโคแอกเชี่ยว มี2 ชนิด
50 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อูลแบบดิจิทัล และ
75 โอห์มซึ่งใช้ส่งข้อมูลสัญญาณแอนาล็อก

Aa an intermediary link that looks liks a line from the anatenna.
coaxial cable has two types.
50 ohms, which use digital transmission and
75 ohms, which use anslog signal transmission.




สายใยแก้วนำแสง(Fiber Obtic Cable)
สายนำสัญญาณข้อมูลที่ใช้หลักการทางแสง
ใช้กับสัญญาณข้อมูลที่อยู่ในรูปของคลื่นแสงเทานั้น
ตัวแก้วนำแสงอาจทำจากแก้วหรือพลาสติก

Transmission line data using the principles of  light
Used to signal information in the form of light only.
The optic may be made of glass or plastic.





วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประวัติส่วนตัวของนายปรมินทร์ สาแม


ชื่อ  นายปรมินทร์    นามสกุล  สาแม
ชื่อเล่น  นิกกี้   ห้อง  BC 3   เกรดเฉลี่ย  2.17
วัน/เดือน/ปีเกิด   29 กรกฎาคม 2532    อายุ  20 ปี
น้ำหนัก  53    ส่วนสูง 165    กรุ๊ปเลือด  AB     โรคประจำตัว   -
ภูมิลำเนา   2 หมู่ ต.เฉลิม  อ.ระแงะ  จ.นราธิวาส  96130
ที่อยู่ปัจจุบัน    303/6  ซ.อิสรภาพ13  แขวงหิรัญรูจี  เขตธนบุรี  กรุงเทพมหานคร  10600
E-mail  kingdoomhot@hotmail.com    เบอร์โทร  087-979-8702
เพื่อนสนิท (ที่สามารถติดต่อได้)   นางสาวปนัดดา  หนูดำ
เบอร์โทร  082-342-2791  งานอดิเรก ดูหนัง  ฟังเพลง
คติประจำใจ  ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

สิ่งอยากให้เพื่อนรู้
เธอนั้นเป็นเพื่อนแบบไหน
เพื่อน กิน หรือ เพื่อนตาย
ฉัันไม่รู้ แต่ที่รู้รู้ว่า เธอทิ้งฉันไปเล่นเฟสบุ๊ค...

ลูกแรดเตรียมพร้อมออกล่าเหยื่อ


สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาการเตรียมฝึกประสบการณ์  วิชาชีพบริหารธุรกิจ
ประการแรกได้รับคือความรู้  แน่นอนจะต้องได้รับความรู้ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ด้านหนึ่ง  ที่สำคัญในการเรียนในรายวิชานี้  นักศึกษาทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมให้เป็นคนที่เหมาะสมกับการเป็นนักศึกษาที่ดีของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิค  ในรายวิชานี้จะมีการอบรมการสอนในด้านบุคลิกภาพ  ความเรียบร้อยของการแต่งตัว  การตรงต่อเวลา และได้ความรู้ต่างๆ อีกมากมาย ฯลฯ

การบรรยายครั้งที่ปฐมนิเทศรับขวัญสู่บ้านใหม่
โดนอาจารย์สาระ  มีผลกิจ
ในวันที่ 23 มิถุนายน  2553
เป็นการบรรยายในเรื่องของประวัติความมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในอดีตสถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตจะเป็นที่ตั้งของโรงเรียนการเรือนแห่งแรกของไทย  จะมีการบรรยายต่างๆ  ในเรื่องขอบรั้วของมหาวิทยาลัย  กว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตในอดีตเป็นอย่างไร  การบรรยายครั้งนี้ให้เกิดการสำนึกรักมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเป็นอย่างมาก
การบรรยายครั้งที่2  การพัฒนาบุคลิกภาพคุณธรรมจริยธรรม  และธนาคารความดี
โดย  ผศ.โรจนา  ศุขะพันธ์
ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2553
การบรรยายครั้งเป็นการบรรยายที่เกี่ยวกับ  การแต่งตัวของนักศึกษาว่าจะต้องตัวอย่างไรที่จะมีบุคลิกที่ดี  ให้ถูกต้องตามกฎของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต   และในเรื่องของการทำธนาคารความดี คือในเรื่องนี้ท่านอาจารย์โรจนา ได้ให้งานไว้อย่างหนึ่งคือ นักศึกษาที่เข้ารับการเรียนเตรียมฝึกประสบการณ์จะต้องบันทึกความที่ตัวเองได้กระทำไว้  ให้บรรยาย สองความดีที่เราทำว่ามีความดีอะไรบ้าง.
การบรรยายครั้งที่ กิจกรรมทางการเงินส่วนบุคคล
บรรยายโดย  คุณกษม  ภูติจินดานันท์
ในวันที่  28  กรกฎาคม  2553
ในการบรรยายครั้งนี้  จะพูดถึงของการออมเงิน   ในชีวิตประจำวันของเราได้ใช้จ่ายเงินมากน้อยเพียงใด  ใช้จ่ายกับเรื่องอะไร  มันเป็นสิ่งจำเป็น  หรือไม่จำเป็นกับชีวิตประจำวันของเราหรือไม่  และได้มอบหมายงานให้ไปบันทึกการใช้จ่ายของเราในระยะเวลา 1 เดือน  โดยเริ่มในวันที่  1-31  สิงหาคม 2553  ทางอาจารย์จะมีไฟล์แบบบันทึกเงินออมการใช้จ่ายไว้ให้.

การบรรยายครั้งที่ทักษะการสื่อสารภาษาไทยในชีวิตประจำวัน
โดยอาจารย์ปรีชา  ร่วงลือ
ในวันที่  25  สิงหาคม  2553
ในสัปดาห์นี้ในเป็นการเรียนการสอนที่จะต้องเริ่มต้นกับการใช้ภาษาไทยใหม่ของนักศึกษาหลายๆ คน  โดยที่อาจารย์ปรีชาได้สอนเกี่ยวการใช้ภาษาไทยในปัจจุบันว่า  สังคมไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก  ในการใช้ภาษาไทยอย่างถูกๆ  ผิดๆ  จะเป็นผลทำให้ภาษามันเปลี่ยนไป  ดังนั้นเราควรใช้ภาษาไทยให้อย่างถูกต้อง  และควรที่จะอนุรักษ์ภาษาไทยของเราให้คงความเป็นไทยไว้
การบรรยายครั้งที่5 เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพกับธรรมะ
โดยหลวงปู่พุทธอิสระ
พิธีกรโดย  คุณมนัส  ตั้งสุข
ในวันที่ 1   กันยายน  2553
ในครั้งได้บรรยายการสอนเกี่ยวกับการมีจรรยาบรรณ  ในการประกอบอาชีพต่างๆ   โดยจะมีการสอดแทรกของธรรมะทางพุทธศาสนาเข้าไปไนการทำงาน  และการปฏิบัติงานในอาชีพต่างๆ   ซึ่งกระผมได้รับความรู้ในเรื่องของธรรมะศาสนาพุทธไม่มากก็น้อย
สรุปผลที่ได้เข้าเรียนการฝึกประสบการณ์
การเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์ด้านวิชาชีพ  ข้าพเจ้านั้นได้รับการอบรมในเรื่องต่างๆ  มากมายอย่างเช่น  ในการประกอบการในด้านอาชีพต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นอาชีพใดก็ตาม  หรือในการประกอบอาชีพที่อยู่ร่วมกันในสังคม  เราจำเป็นที่ต้องเข้ารับการฝึกการอบรมก่อน  เพราะการฝึกอบรมนั้นจะทำให้เราสามารถเรียนรู้ในเรื่องของการวางตัว  และในด้านอื่นๆ  และที่สำคัญในเรื่องของบุคลิกภาพก็จำเป็นเหมือนกันอีกประการหนึ่งที่เราจะต้องสร้างบุคลิกขอเราให้ดูดี  เหมาะสมกับงานที่เราทำงานอยู่    "ดังนั้นเราสามารถที่จะพัฒนาตัวเองได้อย่างถูกต้องในการเข้ารับการฝึกงาน  และการทำงานของเราในอนาคต".




(ขอขอบคุณท่านผู้บรรยายการอบรมเตรียมฝึกปฏิบัติการทุกๆ ท่าน)

บุคลิกสไตล์ BIZCOM



บุคลิกภาพ หมายถึง คุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล แสดงออกโดยพฤติกรรมที่บุคคลนั้นมีต่อสิ่งแวดล้อมที่ตนกำลังเผชิญอยู่ และลักษณะของแบบแผนพฤติกรรมและแบบแผนการคิดที่เป็นตัวกำหนด ลักษณะเฉพาะของบุคคล ในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม มนุษย์แต่ละคนมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกันไปทุกอย่างละคน  ได้แก่ อุปนิสัยใจคอ ความสนใจ ทัศนคติ ตลอดจนพฤติกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลนั้นแสดงออกมา
บุคลิกภาพจึงเป็นเรื่องของภาพรวมที่ตัวเราแสดงออก ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยมีคนอื่นมองอยู่ หรือรู้สึกกับสิ่งที่เราแสดงออก ดังนั้น จึงต้องมีการระมัดระวังและตกแต่งเสริมเติมให้บุคลิกภาพของเรายิ่งน่ามองและเป็นที่ประทับใจของคนรอบตัว เราจึงสมควรที่จะมีบุคลิกภาพดังต่อไปนี้การมอง
สายตาสามารถบอกถึงความรัก ความเกลียดชัง ความเมตตาปรานี ความโกรธแค้น ความเคารพนับถือ หรือความเหยียดหยาม ดูหมิ่นดูแคลนได้ ฉะนั้น เมื่อเราจะมองใคร เราจะต้องพยายามใช้สายตาด้วยความสุภาพเรียบร้อย ระวังในการใช้สายตาอย่าให้คนอื่นเกิดความเข้าใจผิดหรือรู้สึกติดลบได้

การแต่งกาย
การแต่งกายบ่งบอกความพิถีพิถันและเอาใจใส่ตัวเอง ช่วยทำให้คนคนหนึ่งดูดีหรือดูแย่ได้ ทุกครั้งที่เลือกเครื่องแต่งกายหรือกำลังจะแต่งกาย ให้ต้องคำนึงถึงความสะอาดเรียบร้อย ถูกต้องและเหมาะสมกับกาลเทศะ แต่งกายให้พอดี อย่าให้มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจนกลายเป็นน่าเกลียด

การพูด
ต้องมีศิลปะในการพูด พูดให้ชนะใจผู้ฟัง โดยจะต้องใช้คำพูดที่มีเหตุผล สุภาพ ไพเราะ มีน้ำเสียงชวนฟัง เสียงดังฟังชัด ฉะฉาน และใช้คำพูดที่เหมาะสมกับผู้ฟัง โดยคำนึงถึงวัย เพศ ระดับการศึกษา อาชีพ และความสนใจพิเศษของผู้ฟัง  ทั้งยังต้องคำนึงถึงสถานที่ เวลา และโอกาสด้วย

การเดิน
ให้เดินตัวตรง อกผายไหล่ผึ่งเพื่อให้ดูสง่า แต่ไม่ต้องถึงกับหลังตรงตัวแข็งเหมือนนักเรียน นายร้อย เดินให้มีท่าทางสง่าและเรียบร้อย เวลาเดินให้ก้าวเท้ายาวพอประมาณ และสอดคล้องกับเสื้อผ้าหรือรองเท้าที่สวมใส่ว่าก้าวแค่ไหนจึงดูคล่องแคล่วและปลอดภัย  ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงดังจนเกินไป เพราะเสียงฝีเท้าจะไปรบกวนผู้อื่น ไม่เดินผ่ากลางผู้อื่นที่ยืนสนทนากันอยู่

การแสดงท่าทาง
ต้องระวังท่าทางที่ไม่สวยงาม เวลาพูดหรือทำอะไรก็ตาม อย่ามีการแสดงท่าประกอบมากเกินไปจนน่าเกลียด หรือแสดงท่าที่ไม่สุภาพ ท่าทางที่ดีจะต้องมาจากพื้นฐานของความสงบ สำรวม ให้เกียรติทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ควรมีท่าทางประกอบเพื่อให้ดูผ่อนคลาย เป็นธรรมชาติ สง่า และเสริมในสิ่งที่พูดหรือเล่า นอกเหนือจากนั้นอาจไม่จำเป็นต้องมีท่าทาง ประกอบแต่อย่างใด

ทักษะในการทำงาน
         ใน การทำงานใดๆ ก็ตามจะต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ต้องทำด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ด้วยความชำนาญ และให้ได้ผลงานดีเด่น ทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ อย่าให้น้อยไปกว่าความสามารถที่เรามีหรือทำ ได้ ความน่าชื่นใจของผู้ร่วมงานหรือหัวหน้างานทุกคนก็คือ การมีเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องที่ทำงาน "เต็มความสามารถ" อยู่ตลอดเวลา นั่นคือบุคลิกแห่งความสำเร็จด้วย

สุขภาพ
         ต้อง ระวังสุขภาพให้ดี อย่าให้มีโรค ระวังรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ผู้ที่ป่วยออดๆ แอดๆ จะดูเป็นคนขี้โรค ซึ่งน่าเป็นห่วงมากกว่าน่าชื่นชม ดูอ่อนแอ ไม่คล่องแคล่ว โรคบางโรคส่งผลถึงความซีดเซียว ห่อเหี่ยว หม่นหมอง จึงขาดความสง่าราศี การดูแลสุขภาพให้ดีคือต้นทุนของการพัฒนาบุคลิกภาพที่ สำคัญที่สุด